HEPA Filter คืออะไร?
HEPA (High-Efficiency Particulate Air) Filter เป็นแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นละออง PM2.5 ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าไป
ทำไมต้องใช้ HEPA Filter?
-
กรองฝุ่น PM2.5 และอนุภาคขนาดเล็ก
-
ลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
-
ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
-
ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค
วัสดุและโครงสร้างของ HEPA Filter
HEPA Filter ผลิตจาก เส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) หรือ โพลีโพรพิลีน (Polypropylene) ที่มีโครงสร้างละเอียดซับซ้อน ทำให้สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างภายในของ HEPA Filter (4 ชั้นหลัก)
1.ชั้นเส้นใยหยาบ (Pre-Filter) กรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เช่น ขนสัตว์ และละอองเกสร
2.ชั้นเส้นใยไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Filter) ดักจับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า เช่น ไวรัส และแบคทีเรีย
3.ชั้นกรองเส้นใยหนาแน่น (HEPA Core) ดักจับอนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.995%
4.ชั้นรองรับและป้องกันความเสียหาย (Support Layer) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการฉีกขาดของแผ่นกรอง
หลักการทำงานของ HEPA Filter
- Interception (การสกัดกั้น): อนุภาคขนาดเล็กถูกดักจับเมื่อเคลื่อนที่ผ่านเส้นใย
- Impaction (การกระแทกติดกับเส้นใย): อนุภาคขนาดใหญ่กระแทกและติดกับโครงสร้างของตัวกรอง
- Diffusion (การแพร่กระจายแบบสุ่ม): อนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนเคลื่อนที่แบบสุ่มและติดอยู่ในตัวกรอง
ข้อควรระวัง
- ควรหลีกเลี่ยงความชื้นและน้ำ เพราะอาจทำให้ไส้กรองเสื่อมสภาพและลดประสิทธิภาพการกรอง
- ควรเปลี่ยนไส้กรองตามอายุการใช้งานที่กำหนด
วิธีทำความสะอาดและดูแลรักษา HEPA Filter
- ใช้ เครื่องดูดฝุ่น ทำความสะอาดเบา ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
- เปลี่ยนไส้กรองตามกำหนดเวลา ทุก 3-6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นในอากาศ
- หลีกเลี่ยงการล้างน้ำ (ยกเว้นบางรุ่นที่ระบุว่าสามารถล้างได้)
- เก็บในที่แห้งและสะอาดเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
เกรดของ HEPA Filter ตามมาตรฐาน EN1822
HEPA Filter ถูกจัดอันดับตามมาตรฐานยุโรป EN1822 ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ตามประสิทธิภาพการกรอง
เกรด | ประสิทธิภาพการกรองอนุภาค | ขนาดอนุภาคที่กรองได้ |
E10 | 85% | 0.5 ไมครอน |
E11 | 95% | 0.3 ไมครอน |
E12 | 99.5% | 0.3 ไมครอน |
H13 | 99.95% | 0.3 ไมครอน |
H14 | 99.995% | 0.3 ไมครอน |
หมายเหตุ:
- H13 และ H14 เป็นเกรดที่ใช้ใน เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง และโรงพยาบาล
- E10 - E12 เหมาะสำหรับ การใช้งานทั่วไปในบ้านและสำนักงาน
- ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
เลือก HEPA Filter อย่างไรให้เหมาะสม?
1.ตรวจสอบคุณสมบัติ ของเครื่องฟอกอากาศที่คุณใช้งานว่าสามารถรองรับไส้กรอง HEPA ระดับใด
2.พิจารณาขนาดพื้นที่ ที่ต้องการฟอกอากาศ หากเป็นห้องขนาดใหญ่ควรเลือกไส้กรองที่มีประสิทธิภาพสูง
3.งบประมาณ HEPA Filter ที่มีเกรดสูงกว่าจะมีราคาสูงขึ้น แต่ก็มีความสามารถในการกรองที่ดีกว่า
4.การใช้งานในอุตสาหกรรม ควรเลือก HEPA Filter ที่มีการรับรองมาตรฐานจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น ISO หรือ ASHRAE
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ HEPA Filter
HEPA Filter สามารถกำจัดไวรัสและแบคทีเรียได้หรือไม่?
HEPA H13 และ H14 สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก ถึง 0.3 ไมครอน ซึ่งรวมถึงแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด แต่เพื่อให้ได้ผลสูงสุด ควรใช้ร่วมกับ ระบบฆ่าเชื้อด้วย UV หรือพลาสม่า
HEPA Filter ใช้กับเครื่องปรับอากาศได้หรือไม่?
มีบางรุ่นที่ออกแบบให้สามารถติดตั้งในเครื่องปรับอากาศได้ แต่ต้องตรวจสอบขนาดและความเข้ากันได้ก่อนซื้อ
HEPA Filter กับ Carbon Filter ต่างกันอย่างไร?
HEPA Filter ดักจับฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็ก
Carbon Filter ดูดซับกลิ่น ควัน และสารเคมีในอากาศ
การใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน จะช่วยให้การกรองอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด
มี HEPA Filter แบบล้างทำความสะอาดได้หรือไม่?
บางรุ่นสามารถล้างได้ แต่ต้องเป็น HEPA Filter ที่ออกแบบมาเฉพาะ หากเป็นรุ่นที่ไม่รองรับการล้าง การใช้น้ำอาจทำให้โครงสร้างของไส้กรองเสียหาย
และทางร้านก็มีไส้กรองเครื่องฟอกอากาศที่เป็น H13 ด้วยนะครับ ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ iSUPER HEPA RFID สำหรับ Xiaomi เป็นสีดำมีทั้งรุ่น2S,2H,3H,Pro,2C,3C และมี4 Lite ด้วย
สรุป HEPA Filter เป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยให้คุณได้รับอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ การเลือกใช้ไส้กรองที่เหมาะสมและดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้เป็นอย่างดี