การเลือกขนาดไส้กรองเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสม
การเลือกไส้กรองที่เหมาะสมสำหรับเครื่องฟอกอากาศของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพของการฟอกอากาศและสุขภาพของคุณ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูรุ่นต่าง ๆ และวิธีการเลือกขนาด ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่น
วิธีการเลือกไส้กรองที่เหมาะสม
การเลือกไส้กรองนั้นมีความซับซ้อนอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเข้าใจอะไรยากมาก วันนี้เราจึงจะมาบอกว่าการเลือกไส้กรองนั้นมีอะไรบ้าง ที่เราจะต้องดูก่อน โดยมีวิธีการเลือกไส้กรอง 3 วิธีดังนี้
ประเภทของไส้กรอง
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบรุ่นของเครื่องฟอกอากาศของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าเลือกไส้กรองที่เหมาะสม
คุณสมบัติของไส้กรอง
เลือกไส้กรองที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของคุณ เช่น การต้านแบคทีเรีย การลดฟอร์มาลดีไฮด์ หรือการกรองฝุ่นละออง
ระยะเวลาการใช้งาน
ระยะเวลาการใช้งานของไส้กรองแต่ละประเภทและความง่ายในการเปลี่ยนหรือทำความสะอาด ควรเปลี่ยนไส้กรองทุกๆ 6-12 เดือน
แนะนำไส้กรองแต่ละรุ่น
การเลือกใช้ไส้กรองที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณมีความสำคัญอย่างมาก เพราะแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป แนะนำไส้กรองแต่ละรุ่น เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างถูกต้อง
ไส้กรองแบบกลม รุ่น Anti-Antibacterial (สีม่วง) สำหรับ Philips รุ่น AC0820
ไส้กรองนี้มีคุณสมบัติในการป้องกัน และกำจัดแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มักมีการเคลือบสารพิเศษที่ช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เหมาะสำหรับใช้ในบ้านหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ช่วยกำจัดแบคทีเรียและเชื้อโรคในอากาศ
ไส้กรองแบบกลม รุ่น Hepa Filter (สีขาว) สำหรับ Philips รุ่น AC0820
ไส้กรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) นี้สามารถกรองฝุ่นละเอียดและอนุภาคเล็กๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน มีประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เชื้อรา และแบคทีเรียในอากาศช่วยให้อากาศบริสุทธิ์และลดการแพ้ฝุ่น
แผ่นกรอง รุ่น Anti-Antibacterial (สีม่วง) สำหรับ Philips รุ่น AC1215, AC1212, AC1216, AC1210
แผ่นกรองนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารเคมีที่เป็นอันตรายจากอากาศภายในบ้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะอาดและความปลอดภัยในอากาศที่สูดหายใจ
แผ่นกรอง รุ่น Hepa Filter (สีขาว) สำหรับ Philips รุ่น AC1215, AC1212, AC1216, AC1210
เป็นแผ่นกรอง HEPA ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรองฝุ่นละอองและอนุภาคเล็กๆ ช่วยให้สภาพอากาศภายในบ้านสะอาดและปลอดภัยจากสารก่อภูมิแพ้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่นหรือปัญหาทางเดินหายใจ
ไส้กรองสีม่วง Anti-Bac สำหรับเครื่องฟอกอากาศ รุ่น 2S, 2H, 3H, Pro, 2C, 3C
ไส้กรองนี้ออกแบบมาเพื่อกำจัดแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในอากาศ เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดและความปลอดภัยจากการติดเชื้อ มีคุณสมบัติในการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศ
ไส้กรองสีเขียว Formaldehyde สำหรับเครื่องฟอกอากาศ รุ่น 2S, 2H, 3H, Pro, 2C, 3C
ไส้กรองนี้มีความสามารถในการดูดซับฟอร์มาลดีไฮด์และสารเคมีระเหยอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตราย ช่วยลดกลิ่นสารเคมีและทำให้อากาศภายในบ้านสดชื่นและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดสารพิษในอากาศ
ไส้กรองสีดำ HEPA สำหรับเครื่องฟอกอากาศ รุ่น 2S, 2H, 3H, Pro, 2C, 3C
ไส้กรอง HEPA นี้สามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กและฝุ่นละอองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดและปลอดภัยจากฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่นหรือมีปัญหาทางเดินหายใจ
ไส้กรองสีม่วง สำหรับเครื่องฟอกอากาศรุ่น 4 Lite
ไส้กรองนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และสารเคมีที่เป็นอันตรายในอากาศ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องฟอกอากาศรุ่น 4 Lite
ไส้กรองสีดำ สำหรับเครื่องฟอกอากาศรุ่น 4 Lite
ไส้กรองนี้สามารถกรองฝุ่นละอองและอนุภาคเล็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดและปลอดภัยจากฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเครื่องฟอกอากาศรุ่น 4 Lite
วิธีการดูแลรักษาไส้กรองฝุ่น
เมื่อเราใช้เครื่องฟอกอากาศไปสักระยะแล้วต้องอย่าลืมที่จะดูแลรักษาและเปลี่ยนไส้กรองด้วย แต่นอกจากการเปลี่ยนแล้วยังมีวิธีที่ทำให้ไส้กรองใช้งานได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมาขึ้นอีกด้วย โดยมีวิธีการดังนี้
ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ควรทำความสะอาดไส้กรองฝุ่นอย่างน้อยทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณฝุ่นในพื้นที่ ใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือแปรงนุ่มในการขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนไส้กรอง หากไส้กรองสามารถล้างน้ำได้ ให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและปล่อยให้แห้งสนิทก่อนนำกลับมาใช้
ตรวจสอบสภาพไส้กรอง
ตรวจสอบไส้กรองฝุ่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามีรอยขาดหรือเสื่อมสภาพหรือไม่ หากพบว่าไส้กรองเสื่อมสภาพหรือมีรอยขาด ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
เปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลา
ไส้กรองฝุ่นมีอายุการใช้งานที่จำกัด ควรเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ โดยปกติจะอยู่ระหว่าง 3-6 เดือน การเปลี่ยนไส้กรองใหม่เป็นประจำจะช่วยรักษาประสิทธิภาพของระบบกรองฝุ่นและป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นสะสม
สรุป
การเลือกไส้กรองฝุ่นที่เหมาะสมควรพิจารณาตามความต้องการและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน หากคุณต้องการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารก่อภูมิแพ้ ไส้กรอง HEPA หรือ ULPA จะเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการลดกลิ่นและสารเคมี ไส้กรอง Activated Carbon จะเป็นประโยชน์ หากต้องการความสะดวกในการบำรุงรักษา ไส้กรองแบบ Electrostatic ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ไส้กรองฝุ่นรุ่นใด การดูแลรักษาและเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ระบบกรองอากาศของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด